การตั้งแรงดันใช้งานของเซฟตี้วาล์ว
1. การตั้งแรงดันจะต้องมั่นใจว่า Over Pressure จะไม่เกินกว่าแรงดันสูงสุดที่อุปกรณ์รับได้(maximum allowable accumulation pressure : MAAP)
2. การตั้งแรงดันจะต้องมั่นใจว่า Blowdown จะไม่น้อยกว่าแรงดันใช้งาน(normal working pressure : NWP)
3. การตั้งแรงดันจะต้องมั่นใจว่าไม่เกินกว่าค่าแรงดันสูงสุดที่ระบบรับได้ (maximum allowable working pressure : MAWP) กรณีที่มีอุปกรณ์ใช้งานหลายตัวให้พิจารณาจากค่า MAWP ที่น้อยที่สุด
การเซ็ทค่าแรงดันที่ต่ำที่สุดโดยให้แรงดันที่จุดหน้าวาล์วปิดสนิท(reseat pressure) มากกว่าแรงดันใช้งานปกติ(NWP) ที่ประมาณ 0.1 bar ซึ่งเราเรียกช่วงนี้ว่า Shut-off Margin โดยตำแหน่งการติดตั้งเซฟตี้วาล์วจะติดไว้หลัง อุปกรณ์ลดแรงดัน หรือ อุปกรณ์ควบคุม เนื่องจากในการควบคุมแรงดันแบบ PID Control นั้นในช่วงเริ่มเปิดอาจเกิดช่วงที่แรงดันเกินกว่าที่กำหนด (Peak)
การพิจารณาวาล์วควบคุมจะแยกเป็นสองแบบได้แก่วาล์วที่ทำงานได้เอง (self acting) และ วาล์วที่มีระบบควบคุม โดยแรงดันที่เกินจากที่แรงดันต้องการ (NWP) จะเกิดจากการตั้งแรงดันที่วาล์วแบบทำงานได้เองที่การทำงานเต็มพิกัด(full load) หรือ การตั้งวาล์วที่มีระบบควบคุมขณะที่ไม่ได้ทำงาน (no load)
ตัวอย่าง
ถ้าวาล์วควบคุมแบบทำงานได้เอง (self acting) ด้วย Pilot Operated โดยช่วงควบคุมมีแรงดันสูงสุด (maximum proportional band)ที่ 0.2 bar ถ้าตั้งแรงดันที่ 5 bar โดยตั้งค่าขณะทำงานเต็มพิกัด (full load) ดังนั้นเมื่อแรงดันในระบบลดลง(no load) แรงดันจะเพิ่มเป็น 5.2 bar กลับกันถ้าตั้งแรงดันขณะที่เครื่องใช้งาน(no load) เมื่อเครื่องทำงานที่เต็มพิกัด (full load) แรงดันในระบบจะเหลือเพียง 4.8 bar
ดังนั้นถ้าระบบตั้งแรงดันที่ PRV ขณะทำงานเต็มพิกัดจะต้องตั้งแรงดันที่เซฟตี้วาล์วเท่าใด กำหนดให้ระยะ Blowdown เท่ากับ 10%
เมื่อ PRV ทำงานขณะไม่มีโหลดแรงดันจะเท่ากับ 5.2 bar ดังนั้นในการตั้งแรงดันเซฟตี้วาล์วค่า Blowdown จะเพิ่มอีก 0.1 bar (Shut-off Margin) หรือเท่ากับ 5.3 bar
ดังนั้นค่าแรงดันที่ตั้ง (set pressure) จะเท่ากับ 5.3 x 100/(100-10) = 5.9 bar